เครื่องเป่าทองเหลือง (Brass
Instruments) เครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องเป่าทองเหลืองนี้เรียกรวมๆ
ว่า กลุ่มแตรส่วนประกอบ ที่สำคัญ
ของเครื่องดนตรีกลุ่มนี้คือท่อลมทำด้วยโลหะขนาดต่างๆกันการเกิดเสียงเกิดจากการเป่าลมให้เกิดการสั่นสะเทือนที่ริมฝีปากของผู้เล่นผ่าน
เข้าไปในปากเป่า (Mouth Piece) การเป่าเครื่องเป่าทองเหลือง
จึงขึ้นอยู่กับริมฝีปากเป็นสำคัญ เครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องเป่าทองเหลือง
ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีดังนี้
คอร์เน็ต(Cornet)
\
คอร์เน็ต(Cornet) คือเครื่องเป่าทองเหลืองที่มีลักษณะคล้ายกับทรัมเป็ท
แต่ลำตัวสั้นกว่า คุณภาพของเสียง มีความนุ่มนวลกลมกล่อม แต่ความสดใส
ของเสียงน้อยกว่าทรัมเป็ท
คอร์เน็ตถูกนำมาใช้ในวงออร์เคสตรา ครั้งแรกประมาณ ค.ศ.1829 ในการแสดงโอเปร่าของ
Rossini เรื่อง William Tell ในปัจจุบัน
คอร์เน็ต เป็นเครื่องดนตรีสำคัญสำหรับวงโยธวาฑิตและแตรวง
บิวเกิล
บิวเกิล
คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมทองเหลือง ไม่มีนิ้วกด มีหลายขนาด ปกติจะนำไปใช้เป่าสัญญาณแตร
แบบต่างๆ มักนิยมนำไปใช้ในกิจกรรมทางทหาร กิจกรรมลูกเสือ
ฟลูเกิลฮอร์น (Flugelhorn)
ฟลูเกิลฮอร์น (Flugelhorn)เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง
เช่นเดียวกับทรัมเป็ท มีลักษณะคล้ายกับแตรบิวเกิล ปกติจะมี 3 อัน
ท่อลมกลวง เป็นรูปกรวยปลายบาน เป็นลำโพงรูปร่างค่อนข้างใหญ่กว่าคอร์เน็ท
ลักษณะ ของเสียงจะคล้ายกับ ฮอร์นแต่มีความห้าวกว่าฮอร์น
ทรัมเป็ท(Trumpet)
ทรัมเป็ท(Trumpet) เป็นเครื่องดนตรีสากลในกลุ่มเครื่องลมทองเหลือง(แตร)
ประเภทเสียงสูง(high brass)เช่นเดียวกับเฟรนซ์ฮอร์น กำเนิดเสียงโดยอาศัย
ลมจากการเป่าของผู้เล่นทำให้เกิด การสั่นสะเทือนของริมฝีปาก โดยทั่วไป มีปุ่มกด(valve)
3 อัน เรียงอยู่ ระนาบเดียวกัน มีทั้งที่เคลือบผิว ด้วยทอง, เงิน,
นิลเกิล,และแลกเกอร์ทรัมเป็ทมีวิวัฒนาการมายาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยเริ่ม จากแตรสัญญาณที่ใช้ในการล่าสัตว์หรือในทางทหาร แต่แตรลักษณะนั้น โดยมาก
จะไม่มีปุ่มกด เพื่อเปลี่ยนระดับเสียง ทำให้ไม่สามารถสร้างระดับเสียงที่แตกต่างกัน
ได้มากนัก จนกระทั่งมีการคิด ประดิษฐ์ปุ่มกดและกลไกต่างๆ เข้าไปภายในสมัย ยุคกลาง
โดยเป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยม ในวงกว้าง สามารถพบเห็นได้ในวงหลากหลายหลายรูปแบบตั้งแต่วงพื้นบ้านของเม็กซิกัน
(mariachi) วงแจ๊ส วงโยธวาฑิต จนถึงวงออร์เคสตราขนาดใหญ่
หรือแม้แต่วงดนตรีป๊อบ-ร็อคสมัยใหม่
ทรอมโบน(Trombone)
ทรอมโบน(Trombone) ประกอบด้วยหลอดยาวๆ
เป็นปากเป่าและปากบาน มีหลอดซ้อนสำหรับชักเข้า-ออก ให้มีระยะยาวสั้น
เพื่อเปลี่ยนเสียงอย่างรวดเร็ว ฟังตื่นเต้นเร้าใจ ใช้บรรเลงในวงออร์เคสตร้า แจ๊ส
และวงเครื่องทองเหลือง
เสียงของทอมโบนดังคล้ายๆ ฮอร์น แต่มีช่วงกังวาน เนื่องจากเสียงไม่ค่อยจะ
สดใส จึงเหมาะที่จะทำเป็นเสียงแหบๆ เหมือนคนเป็นหวัด หรืออ้อๆ แอ้ๆ ได้ดีมาก ทรอมโบนมีเสียงที่ทุ้ม กว่าทรัมเป็ท จึงมีคนกล่าวว่าเป็นเบสของทรัมเป็ท
แซ็คบัท(Sackbut)
แซ็คบัท(Sackbut) เป็นบรรพบุรุษของทรอมโปนในปัจจุบัน
ถือกำเนิดในช่วง ปลายศตวรรษที่ 15 หลักการทำงาน
คือการเลื่อนท่อเพื่อให้เกิดระดับเสียง ต่างๆ กัน คำว่า Sackbut มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า
Sacquer(เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง) Bouter (ดัน)
ซึ่งเป็นการอธิบายลักษณะท่าทางของผู้เล่นในขณะ ที่บรรเลงเครื่อง ดนตรีชนิดนี้
เฟรนซ์ฮอร์น (France Horn)
เฟรนซ์ฮอร์น (France Horn) ปัจจุบันเรียกว่า
"ฮอร์น" ต้นกำเนิด ของฮอร์น คือเขาสัตว์ ฮอร์นที่เก่าแก่ ที่สุดคือโซฟาร์
(Shofar) ของชาวฮิบรู ทำด้วยเขาแกะ
เฟรนซ์ฮอร์นเป็นแตรที่มีช่วงเสียงกว้างถึง 3 ออคเทฟครึ่ง มีท่อยาวประมาณ 12-15 ฟุต
แต่นำมาขดเป็นวงโค้งไปมา เพื่อให้สะดวกแก่ผู้เป่าจนเหลือ ความยาวจาก
ปากเป่าถึงปากลำโพงเพียง 20 นิ้ว เสียงของเฟรนซ์ฮอร์น สดใส สง่า จัดเป็น
พระเอกในบรรดา เครื่องเป่าทองเหลือง นักแต่งเพลงหลายคนใช้เสียงของ
เฟรนซ์ฮอร์นบรรยายความงามของธรรมชาติ
ทูบา
(Tuba)
ทูบา (Tuba)เป็นเครื่องดนตรีตระกูลแซกฮอร์น
ซึ่งอดอล์ฟ แซก ได้ประดิษฐ์ ขึ้นเมื่อปี 1845 แตรตระกูล
แซกฮอร์นมีหลายขนาดเรียกชื่อต่างๆ กันตามขนาด เช่น บาริโทน ยูโฟเนียม
การผลิตให้มีหลายขนาดก็เพื่อจะให้มี แตรหลายๆ ระดับเสียง
เพื่อใช้ในวงแตรวงและวงโยธวาทิต ส่วนที่ใช้ในวงออร์เคสตรา ซึ่งมีมาแต่เดิมและนิยม
ใช้มากที่สุดคือ ทูบา ซึ่งมีลมท่อขนาดใหญ่และมีความยาว ตั้งแต่ 9,12,14,16
และ 18 ฟุต มีช่วงเสียงกว้าง 3 ออคเทฟเศษๆ ท่อลม เป็นทรงกรวยเช่นเดียวกับฮอร์น
ส่วนกลางลำตัวติดลูกสูบบังคับเสียง 3 อัน หรือ 4 อัน เสียงของทูบาต่ำลึก นุ่มนวล
ไม่แตกพร่า แตรทูบาทำหน้าที่เป็นแนวเบส ให้แก่กลุ่มเครื่องเป่าทองเหลือง
ยูโฟเนียม (Euphonium)
ยูโฟเนียม (Euphonium) คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง
คุณภาพ เสียงของยูโฟเนียมจะนุ่มนวล ทุ้มลึก และมีความหนักแน่นมาก สามารถเล่นใน
ระดับเสียงต่ำได้ดี บางครั้งนำไปใช้บรรเลงในวงออร์เคสตรา ลักษณะทั่วไปของ
ยูโฟเนียมเหมือนกับเครื่องเป่าทองเหลืองทั่วไป คือมีลูกสูบ 3-4 อัน
มีกำพวดเป็นรูปถ้วย ท่อลมกลวงบานปลายเป็นลำโพง
ซูซาโฟน ( Sousaphone)
ซูซาโฟน ( Sousaphone)เป็นเครื่องดนตรีที่จอร์น
ฟิลิป ซูซา ประดิษฐ์ขึ้น เพื่อใช้แทนทูบา เพื่อให้ง่าย แก่การเดินสาย
เสียงของซูซาโฟนมีเสียงแบบเดียวกับ ทูบา ฉะนั้นจึงสามารถใช้แทนกันได้ มีกำพวดเป็นรูปถ้วย ท่อลมกลวงบานปลายเป็นลำโพง
เครื่องเป่าลมไม้ (woodwind instruments)
ประเภทเครื่องเป่าลมไม้ เครื่องเป่าลมไม้แบ่งได้อย่างกว้าง ๆ เป็น 2 ประเภทคือ
เทเนอร์แซกโซโฟน (Tenor Saxophone)
เบสคลาริเนต (Bass
Clarinet)
เครื่องเป่าลมไม้ (woodwind instruments)
ประเภทเครื่องเป่าลมไม้ เครื่องเป่าลมไม้แบ่งได้อย่างกว้าง ๆ เป็น 2 ประเภทคือ
1. ประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า (Blowing
into a tube) หรือ เครื่องเป่าลมไม้ประเภทขลุ่ย
ลำตัวมีลักษณะเป็นท่อ แบ่งตามลักษณะของการเป่าได้ 2 ประเภทคือ ประเภทเป่าตรงปลาย เช่น ขลุ่ยรีคอร์เดอร์
และประเภทเป่าลมเข้าทางด้านข้าง เช่น ฟลูต และปิคโคโล
2.
ประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่องดนตรี (Blowing through a reed) หรือ
เครื่องเป่าลมไม้ประเภทปี่ ส่วนประกอบที่สำคัญคือมีลิ้น (Reed) เป็นตัวสั่นสะเทือน
ส่วนที่เป็นลิ้นจะอยู่ตรงปลายด้านหนึ่งของปี่ เมื่อเป่าลมผ่านลิ้นให้เกิดการสั่นสะเทือน
ลมจะเข้าไปในท่อซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวขยายเสียงหรือตัวกำทอน แล้วออกไปยังปากลำโพง
เครื่องดนตรีพวกปี่ยังจำแนกออกได้ตามลักษณะของลิ้นที่ใช้ เป็นประเภทลิ้นคู่ (Double
reed) และลิ้นเดี่ยว (Single reed)
แซกโซโพน (Saxophone) เครื่องดนตรีในตระกูลแซกโซโพนสร้างขึ้นโดยอดอล์ฟ
แซก (Adolph Sax) แห่งเมืองบรัสเซล (Brussels) ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อปี ค.ศ.1840 เครื่องดนตรี
ในตระกูลแซกโซโพน ทั้งหมด ใช้กำพวดที่มีลิ้นเดี่ยว เหมือนอย่างปี่คราริเน็ท
แต่ลำตัวจะทรงกรวยเหมือนโอโบ ลำตัวทำด้วย โลหะ เหมือนเครื่องทองเหลือง ปากลำโพง
โค้งงอย้อยขึ้นมา แซกโซโพนขนาดเล็กให้เสียงสูง ขนาดใหญ่ ให้เสียงต่ำ
เสียงของแซกโซโพนเป็นลักษณะผสมผสานมีทั้งความพริ้วไหว ความกลมกล่อม
และความเข้มแข็งปะปนกัน แซกโซโพนมีหลายระดับเสียง ดังนี้
1.โซปราโน แซกโซโพน (ระดับเสียงบีแฟลต)
2.อัลโต แซกโซโพน (ระดับเสียงอีแฟลต)
3.เทนเนอร์ แซกโซโพน (ระดับเสียงบีแฟลต)
4.บาริโทน แซกโซโพน (ระดับเสียงบีแฟลต)
นอกจากนั้นยังมีแซกโซโพนในระดับเสียงเอฟ และระดับเสียงซี แต่ไม่ค่อยกล่าวถึงเพราะว่านำมาใช้ น้อยมาก
1.โซปราโน แซกโซโพน (ระดับเสียงบีแฟลต)
2.อัลโต แซกโซโพน (ระดับเสียงอีแฟลต)
3.เทนเนอร์ แซกโซโพน (ระดับเสียงบีแฟลต)
4.บาริโทน แซกโซโพน (ระดับเสียงบีแฟลต)
นอกจากนั้นยังมีแซกโซโพนในระดับเสียงเอฟ และระดับเสียงซี แต่ไม่ค่อยกล่าวถึงเพราะว่านำมาใช้ น้อยมาก
Tenor Saxophone เทเนอร์แซกโซโฟน เป็นแซกโซโฟนที่ถูกใช้มากใน
การเล่นดนตรีแนวแจ็ส แต่ก็สามารถเห็นแซกโซโฟนเทเนอร์ได้ในการเล่น ดนตรีแบบอื่นๆ
เช่นกัน เสียงของแซกเทเนอร์ จะมีลักษณะแบบนุ่มๆ อ้วนๆ
และต่ำกว่าแซกโซโฟรอัลโตและแซกโซโฟนโซปราโน รองจากแซกโซโฟน อัลโตแล้วแซกโซโฟนเทเนอร์น่าจะเป็นตัวเลือกที่มือใหม่ควรจะใช้ในการเริ่มต้น
โซปราโนแซกโซโฟน
(Soprano Saxophone)
Soprano Saxophone โซปราโนแซกโซโฟน เป็นแซกโซโฟนที่มีขนาดเล็ก
น้ำหนักเบาและ มีความถี่สูงที่สุด เนื่องจากมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา
จึงสามารถถือไว้ในมือได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องใช้สายสะพาย
แซกโซโฟนโซปราโนไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการหัดเล่นแซกโซโฟน
เนื่องจากมีความยากในการเป่ามากกว่าแซกโซโฟนอัลโตและเทเนอร์
ในปัจจุบันแซกโซโฟนโซปราโนจะมีรูปทรงให้เลือก 2 แบบ คือแบบตรง
และแบบโค้งก็จะมีลักษณะเหมือนกับแซกโซโฟนอัลโตแต่มีขนาดเล็กกว่า
คราริเน็ท (Clarinet)
คราริเน็ท (Clarinet) เป็นเครื่องดนตรีประเภทลมไม้ ใช้ลิ้นเดียว
ปี่คราริเน็ท ในระดับเสียงบีแฟลต
ได้ถูกใช้เป็นตัวแทนเมื่อมีการกล่าวถึงปี่คราริเน็ทเสมอ
คราริเน็ทมีใช้อยู่หลายชนิด เช่น บีแฟลต คราริเน็ท,เบสคราริเน็ท,
อัลโตคราริเน็ท,อีแฟลตคราริเน็ท
ลำตัวปี่คราริเน็ททำด้วยโลหะ และไม้ หรือบางครั้งก็ทำด้วยยาง หรือพลาสติก
ลำตัวปี่กลางเปลี่ยนระดับเสียงโดย ใช้นิ้ว และคีย์โลหะบุนวม ปิดเปิดรู
ปี่คราริเน็ทมีรูปร่างคล้ายกับปี่โอโบ แตกต่างกันที่ปากเป่า(กำพวด)
คุณภาพเสียงของปี่คราริเน็ท มีช่วงเสียงกว้าง
และทุ้มลึกมีนิ้วพิเศษที่ทำเสียงได้สูงมากเป็นพิเศษ
เบสคลาริเนต (Bass Clarinet) เป็นปี่คลาริเนตขนาดใหญ่มีช่วงเสียงต่ำกว่าคลาริเนตธรรมดา
1 ออคเทฟ ลำตัวยาวกว่าคลาริเนต ส่วนปากลำโพงทำด้วยโลหะและงอนขึ้น
ส่วนที่เป่า งอโค้งทำมุมกับตัวปี่ วัตถุประสงค์ของการประดิษฐ์เบสคลาริเนตขึ้น
เพื่อให้ มีเสียงของเครื่องดนตรีในตระกูลคลาริเนต ครบทุกเสียง
โอโบ (Oboe)
โอโบ (Oboe) คือ เครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องลมไม้
ลำตัวโอโบเป็นรูปทรงกรวย ทำด้วยไม้ แบ่งเป็น 3 ท่อน
เวลาใช้ต่อเข้าด้วยกัน มีรูสำหรับใช้นิ้วปิดเปิด 6 รู
และมีคีย์โลหะบุนวมต่อเป็นระบบกลไก เชื่อมโยงสำหรับปิดเปิดรูอีกด้วย คุณภาพ
เสียงของโอโบมีความแหลมสียดแทง และมีลักษณะเป็น เสียงนาสิก โอโบที่ใช้
ในปัจจุบันนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ใช้ในการแสดงโอเปร่า ฝรั่งเศส เรียกว่า "Hautbios"
หรือ
"Hoboy" ในศตวรรษที่ 18 โอโบใช้เป็นเครื่องดนตรี หลักในวง ออร์เคสตร้า
ในขณะนั้นมีรูปิดเปิดเพียง 2-3 รู เท่านั้น ในศตวรรษที่ 19 โอโบได้
พัฒนาในเรื่องระบบกลไก คีย์ กระเดื่อง สำหรับปิดเปิดรู เพื่อเปลี่ยน ระดับเสียง
ให้เล่นได้สะดวกมากขึ้น จนในที่สุด โอโบ คือ เครื่องดนตรีหลักที่จะ ต้องมี
ในวงออร์เคสตร้า
อิงลิซฮอร์น (English
Horn)
อิงลิซฮอร์น (English Horn) เป็นเครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องลมไม้
บางครั้ง จะเรียกว่า คอร์แองเกลส์ (Cor Anglais) ปี่ชนิดนี้มีลำตัวยาวกว่าปี่โอโบ
แต่มีขนาดใหญ่กว่าและมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากโอโบ มีระดับเสียงที่ต่ำกว่า
โอโบอยู่ในระดับคู่ 5 จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อัลโตโอโบ(Alto
Oboe) เวลาเล่นจะต้องมีสายติดกับลำตัวปี่โยงไปคล้องคอผู้เล่น
เพื่อพยุงน้ำหนักของปี่ อิงลิซฮอร์นเป็นเครื่องดนตรีที่มีลิ้นคู่มีเสียงโหยหวน
โศกเศร้า
ฟลูต (Flute)
ฟลูต (Fute) เป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่มีพัฒนาการมาจาก
มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ที่คิดใช้กระดูกสัตว์หรือเขาของสัตว์ที่เป็นท่อกลวง
หรือใช้ปล้องไม้ไผ่มา เจาะรูแล้วเป่าให้เกิดเสียงต่างๆ วัตถุนั้นจึงเป็นต้นกำเนิด
ของเครื่องดนตรีประเภทขลุ่ย ฟลูตเป็นขลุ่ยเป่าด้านข้าง มีความยาว 26 นิ้ว
มีช่วงเสียงตั้งแต่C กลางจนถึง C สูงขึ้นไปอีก 3 ออคเตฟ
และมีเสียงแจ่มใส จึงเหมาะสำหรับเป็นเครื่องดนตรีประเภทเล่นทำนอง
ใช้เลียนเสียงนกเล็กๆ ได้ดี และเสียงต่ำของฟลูตจะให้เสียงที่นุ่มนวล
Ocarina
Ocarina เป็นเครื่องดนตรีโบราณ นักประวัติศาสตร์พิสูจน์ได้ว่ามันมีต้นตอ
ย้อนหลังกลับไปได้ถึง 12,000 ปี มาแล้ว ลักษณะของ Ocarina น่าจะเป็น
ต้นแบบของเครื่องเป่าทุกชนิดในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นแซกโซโฟน หรือขลุ่ย
พิคโคโล (Piccolo)
พิคโคโล (Piccolo) เป็นขลุ่ยขนาดเล็กมีลักษณะเช่นเดียวกับฟลูตแต่เล็กกว่า
ทำมาจากไม้หรือ อีบอร์ไนท์ แต่ปัจจุบันทำด้วยโลหะยาวประมาณ 12 นิ้ว
เสียงเล็กแหลมชัดเจน แม้ว่าจะเป่าเพียงเครื่องเดียว พิคโคโลเล่นได้ดี
เป็นพิเศษโดยเฉพาะการทำเสียงรัว (Trillo) และการบรรเลงเดี่ยว (Solo)
เรคอร์เดอร์ (Recorder)
เรคอร์เดอร์ (Recorder) คือ เครื่องดนตรีเก่าแก่
จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องลมไม้ พัฒนาจากยุคกลางจนถึง ศตวรรษที่ 18 มีรูสำหรับใช้นิ้วปิดเปิดเสียง
8 รู ลำตัวจะเป็นทรงกรวยทำด้วยไม้หรือพลาสติก มีปากเป่า ลักษณะเหมือนกับ
นกหวีด วิธีเป่าเหมือนกับการเป่าขลุ่ยไทย คุณภาพเสียงจะนุ่มนวลบางเบา เสียง
ในระดับสูงมีความแจ่มใสนิยมเล่นมากในศตวรรษที่ 16 และ 17
และได้รับการพัฒนาเรื่อยมา
ในปัจจุบัน ได้สร้างขึ้นใหม่ มีระดับเสียงสูงถึงต่ำ 4 ระดับ ดังนี้ 1.เดสแคนท์ (Descant)
หรือ
โซปราโน (Soprano) 2.เทร็บเบิล (Treble) หรือ อัลโต(Alto)
3. เทเนอร์
(Ternor) 4.เบส (Bass)
บาสซูน (Bassoon)
บาสซูน (Bassoon) คือ เครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องลมไม้ อยู่ในตระกูลโอโบ
มีลิ้นคู่ มีเสียงต่ำเป็นเบส บาสซูนเป็นเครื่องดนตรีสำคัญในการประสมวง
ออร์ควอเต็ทสำหรับเครื่องลมไม้ ซึ่งประกอบด้วยฟลุท คราริเน็ท โอโบ และ บาสซูน
คุณภาพเสียงของบาสซูนในช่วงเสียงสูงจะแหลม ในช่วงกลางจะทึบ กลวง ไม่หนักแน่น
ส่วนมากแล้วมักจะใช้เสียงของบาสซูนแสดงถึงความ ตลกขบขัน
คอนทราบาสซูน
(Contra Bassoon)
คอนทราบาสซูน (Contra Bassoon) คอนทราบาสซูนเป็นปี่ที่ใหญ่กว่า
ปี่บาสซูนประมาณ เท่าตัว คือ มีความยาวของท่อลมทั้งหมดถึง 18 ฟุต 4 นิ้ว หรือ 220
นิ้วพับเป็น
4 ท่อน แต่ละท่อนเชื่อมต่อด้วย Butt และข้อต่อรูปตัว
U ที่ปลายท่อนสุดท้ายจะต่อกับลำโพงโลหะที่คว่ำลงในแนวดิ่ง
แต่คอนทราบาสซูน อีกชนิดหนึ่งลำโพงหงายขึ้นในแนวดิ่ง
คอนทราบาสซูนจะให้เสียงที่ต่ำกว่า บาสซูนลงไปอีก 1 ออคเทฟ
เสียงจะนุ่ม ไม่แข็งกร้าวเหมือนบาสซูน แต่ถ้า บรรเลงเสียงต่ำอย่างช้าๆ
ในวงออร์เคสตราขณะที่เครื่องดนตรีอื่นๆ เล่นอย่าง เบาๆ
จะสร้างภาพพจน์คล้ายมีงูใหญ่เลื้อยออกมา จากที่มืด โอกาสที่ใช้ในการ
บรรเลงมีไม่มากนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทเพลงนั้นๆ
ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ มีเครื่องดนตรีโบราณอยู่ 2 ชนิด คือ Curtal ของอังกฤษ และ Sordoneของฝรั่งเศส
ที่มีรูปร่างคล้ายกันกับบาสซูน ในปัจจุบัน บาสซูนจัดเป็นปี่ประเภทมีลิ้นคู่
เหมือนกันกับ โอโบ บาสซูนมีเสียง ทุ้มแหบพร่า เล่นทำนองเครียดและเคร่งขึม
แต่ถ้าเล่นเสียงห้วนๆ จะดัง ปุดๆ ให้ความรู้สึกสนุกสนาน ตลกขบขัน ด้วยเหตุนี้ บาสซูนจึงมีฉายาว่า
" ตัวตลกแห่งวงออร์เครสตร้า" ( The clown of the orchestra )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น