แบนโจ (Banjo)

        แบนโจ (Banjo) เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลลูท เล่นด้วยวิธีดีดด้วยนิ้วมือหรือดีดด้วย เพล็คทรัม (Plectrum) นิยมเล่นในกลุ่มนักร้อง นักดนตรีชาวอเมริกัน จุดเริ่มต้นที่มีผู้นำมาเล่นอยู่ในแถบแอฟริกาตะวันตก (Western Africa) เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านของพวกนิโกร ต่อมาจึงเป็นที่แพร่หลายในหมู่อเมริกันนิโกร แล้วเผยแพร่ไปสู่ทวีปยุโรบ
        แบนโจเป็นที่แพร่หลายอย่างยิ่งในหมู่นักดนตรีคันทรี่ ถือกำเนิดขึ้นโดยพวกทาสนิโกรผิวดำทางตอนใต้ ไม่ใช่พวกผิวขาวที่ใช้ร้องใช้เล่นแพร่หลายกันมากในปัจจุบันนี้ พวกนิโกรนำเอารูปแบบมาจากเครื่องดนตรีที่พวกเขาใช้เล่นกันในอาฟริกา ทีแรกก็ใช้เล่นคลอเสียงร้องที่บ่นที่ร้องกันในหมู่ทาส เล่นกันไปอย่างไม่เป็นระบบนัก อาจจะสะเปะสะปะขาดความชำนาญบ้างก็พอช่วยทดแทนอารมณ์ได้บ้าง เดิมแบนโจมี 4 สาย
        จนเมื่อต้นคริสตศตรรษที่ 19 สายที่ 5 ถูกสร้างขึ้นเพิ่มบนกึ่งกลางคอแบนโจ เพื่อให้สามารถเล่นเสียงหึ่งแหบอย่างว่าเป็นเสียงสูงๆได้ ทำให้แบนโจกลายเป็นที่ต้องตาต้องใจพวกนักดนตรีบ้านนอกทางใต้ ที่ชมชอบเสียงสั่นๆ สูงๆ ของมันเป็นอย่างยิ่ง
 
        แม้ว่าแต่เดิมแบนโจจะถูกเล่นอย่างสะเปะสะปะขาดความชำนาญ หรือถูกดีดดึงด้วยนิ้วมือ แต่นักดนตรีคนภูเขาก็นำมันมาใช้ให้เกิดท่วงทำนอง การเล่นที่เป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวด้วยหลังเล็บมือ ซึ่งเรียกเทคนิคนี้ว่า claw–hammer style พวกเขาได้นำเอาเทคนิคนี้มาใช้เล่นเพลงเก่าๆ ที่เคยเล่นด้วย fiddle หรือซอฝรั่งมากมายหลายเพลง
        แบนโจพัฒนาอย่างมากในระหว่างปี 1940-1950 เมื่อ Earl Scruggs นำลูกเล่นหลากหลายมาใช้อย่างแพรวพรายขณะที่อยู่ร่วมกับวง Bill Monroe & The Bluegrass Boys และเมื่อเครื่องดนตรีท้องถิ่นอย่าง fiddler และ banjo ถูกนำมาเล่นร่วมกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ดนตรีเต้นรำที่ดิบเถื่อน และแสนจะตื่นเต้นเร้าใจ
        กล่องเสียงของแบนโจจะเหมือนกับหน้ากลอง มีหนังแท้หรือหนังเทียมขึงปิดอยู่ คาดรอบหรือวงรอบด้วยไม้หรือเหล็ก เพื่อให้หนังตึง มีหมุดยึดสายเช่นเดียวกับกีต้าร์ คอแบนโจมีเฟร็ท (Feat) คั่นอยู่เหมือนกับคอของกีต้าร์ สายของแบนโจมีจำนวนตั้งแต่ 4, 5 หรือ 9 โดยทั่วไปใช้ 5 สาย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น